นายเมธินท์ ภาสพานทอง | 28 มกราคม 2567 | เวลาอ่าน 4 นาที
หนทางสู่ความยั่งยืน: 5 ประเด็นสำหรับที่ CEO ยุคปัจจุบันต้องคำนึงถึง
ในภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่พัฒนาอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ความยั่งยืนกลายเป็นหัวข้อสำคัญที่ CEO ในทุกอุตสาหกรรมต่างให้ความสำคัญ ในขณะที่สังคมทั่วโลกตระหนักถึงความเร่งด่วนในการจัดการกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือเรื่องทรัพยากรที่ขาดแคลน ผู้บริหารองค์กรและเจ้าของธุรกิจจึงต้องเริ่มที่จะพิจารณาการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับกระบวนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ในการทำเช่นนั้น CEO ต้องคำนึงถึงประเด็นสำคัญ 5 ประการนี้:
1. การกำหนดวัตถุประสงค์ของความยั่งยืน:
หัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนคือจุดมุ่งหมายและค่านิยมที่ชัดเจน ผู้นำธุรกิจในยุคปัจจุบันต้องประเมินว่าองค์กรของตนได้กำหนดเป้าหมายและคุณค่าที่สอดคล้องกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมแล้วหรือไม่ การคำนึงถึงหลักพื้นฐานนี้เป็นการวางรากฐานสำหรับที่สำคัญในการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับ DNA ขององค์กร โดยหลักนี้จะเป็นแนวทางสำหรับการลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์และการตัดสินใจในการปฏิบัติงานของทุกคนในองค์กร
2. การปรับโมเดลธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน:
แม้ว่าการลงทุนด้านความยั่งยืนบางประเภทจะให้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล (เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์) แต่การลงทุนด้านความยั่งยืนบางประเภทก็อาจส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นได้ (เช่น การเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม) อย่างไรก็ตาม ด้วยโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและลูกค้าที่ตะหนักถีงความสำคัญของความยั่งยืนมากขึ้น CEO จึงไม่สามารถมองข้ามการปรับโมเดลธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้ ด้วยเหตุนี้ ผู้นำองค์กรต่างๆ จึงควรพิจารณาที่จะกำหนดกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อเป็นแนวทางในการริเริ่มโครงการต่างๆ ด้านความยั่งยืน
3. ความโปร่งใสและการรายงาน:
ความโปร่งใสและการรายงานเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบ และเป็นการสร้างความไว้วางใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย CEO ควรรายงานผลการดำเนินงานและเป้าหมายด้านความยั่งยืนอย่างโปร่งใส โดยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมองเห็นความคืบหน้าในการบรรลุวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืน นอกเหนือจากนี้ การประเมิน Environmental Footprint ขององค์กรและการนำเสนออย่างโปร่งใสยังช่วยทำให้บริษัทเห็นช่องโหว่ต่างๆ ที่สามารถเข้าไปแก้ไขเพื่อบรรเทาผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย
4. การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย:
การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกๆ ภาคส่วนเป็นสิ่งสำคัญ การมีส่วนร่วมและการฝึกอบรมของพนักงานถือเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลรักษาวัฒนธรรมแห่งความยั่งยืนภายในองค์กร CEO ควรส่งเสริมพนักงานโดยจัดให้มีการฝึกอบรมหรือการทำเวิร์กชอปเกี่ยวกับประเด็นด้านความยั่งยืน เพื่อกระตุ้นให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและเสนอแนวความคิดเพื่อไปต่อยอดเป็นโครงการด้านความยั่งยืนในองค์กร การรายงานต่อคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นโดยการอธิบายวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินธุรกิจในยุคแห่งความยั่งยืนของบริษัทก็ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ CEO เช่นกัน นอกเหนือจากนี้บริษัทยังสามารถริเริ่มความร่วมมือกับคู่ค้าเพื่อเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้หลากหลายวิธี อาทิ ส่งเสริมมาตรฐานแรงงานที่เป็นธรรม การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน เป็นต้น
5. บทบาทของนวัตกรรมและเทคโนโลยีในด้านความยั่งยืน:
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากมายที่มีส่วนในการสนับสนุนให้บริษัทสามารถปรับตัวให้สอดคล้อยกับเป้าหมายความยั่งยืนได้ง่ายยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น มีเครื่องมือออนไลน์มากมายสำหรับช่วยติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยละเอียด และช่วยวางแผนกลยุทธ์เพื่อเริ่มสร้างความยั่งยืนให้องค์กร นอกจากนี้ เรายังเห็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ในราคาที่จับต้องได้ เช่น วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ผู้นำธุรกิจควรที่จะใช้ประโยชน์จากเครื่องมือเหล่านี้ และมีหน้าที่ติดตามข่าวสารนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อองค์กรของตนเป็นผู้นำในยุคแห่งความยั่งยืนนี้
ข้อพิจารณาด้านความยั่งยืนครอบคลุมคำถามที่หลากหลายซึ่งซีอีโอต้องไตร่ตรองเพื่อให้องค์กรของตนก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ ในภูมิทัศน์ธุรกิจสมัยใหม่นี้ ด้วยการคำนึงถึง 5 มุมมองในบทความนี้ และเริ่มดำเนินการก่อนคู่แข่งอื่นๆ ผู้นำธุรกิจสามารถผลักดันองค์กรของตนสู่สถานะผู้นำด้านความยั่งยืนได้ สามารถผลักดันให้องค์กรของตนเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาวได้อีกด้วย
ที่มา: บทวิเคราะห์ของ MultiPrime Consulting
โพสต์ล่าสุด
